บัวที่พบและนิยมปลูกในประเทศไทย มาจาก 3 สกุล คือ
- บัวหลวง (lotus) เป็นบัวในสกุล Nelumbo มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ปทุมชาติ หรือบัวหลวง
- บัวผัน, บัวสาย (waterlily) เป็นบัวในสกุล Nymphaea มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้า ใบและดอกเกิดจากตาหรือหน่อที่เจริญขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด
- บัววิกตอเรีย (Victoria) เป็นบัวในสกุล Victoria มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า บัวกระด้ง
จัดเป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
พ.ศ. 2551 ค้นพบสายพันธุ์บัวสายพันธุ์ใหม่ของโลกที่พิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
ธัญบุรี ได้ตั้งชื่อว่า "ธัญกาฬ" และ "รินลอุบล" [1]
“ดอกบัว” ดอกไม้งามที่คนไทย นิยมนำมาใช้บูชาพระและผูกพันกับวิถีไทยมาช้านาน ความงามของดอกบัวดูเพียงเผิน ๆ สามารถมองหาความงามได้โดยง่ายดาย ทว่าน้อยคนนักที่รับรู้ความจริงว่า ดอกบัวสายพันธุ์ต่าง ๆที่ต่างเหล่าต่างกอนั้น กว่าจะผุดจากใต้น้ำ มาเป็นบัวปริ่มน้ำ กระทั่งชูช่อเหนือน้ำมีที่มาน่าสนใจไม่น้อย
ดอกบัวพันธุ์ดี ดอกงามที่ผุดพ้นผิวน้ำมาชูช่อแสดงความงามให้ยลความงามอย่างเด่นชัดนั้น หากเจาะลึกข้อมูลแบบเชิงลึก นักพฤกษศาสตร์แบ่งสกุลดอกบัวเป็น 3 สกุล คือ
1.บัวหลวงหรือปทุมชาติ บัวสกุลนี้คนไทยนิยมนำไปไหว้พระ และนำรากทำอาหาร
2.บัวฝรั่ง บัวผัน บัวเผื่อน บัวสายและจงกลนี ซึ่งแยกเป็น 2 ชนิด คือ บัวบานกลางวันได้แก่ บัวฝรั่ง บัวเผื่อนและบัวผันซึ่งเป็นดอกบัวที่มีกลิ่นหอมมาก ส่วนบัวบานกลางคืนคือ บัวสาย
3 คือ สกุลบัวกระด้งหรือบัววิคตอเรีย
คุณพราว-นาวาอากาศตรีหญิง ปริมลาภ วสุวัต ชูเกียรติมั่น บุตรสาวของ ดร.เสริมลาภ วสุวัต แห่งแหล่งเพาะพันธุ์บัว ปางอุบล ได้บอกเคล็ดลับการดูประเภทของบัวแบบกว้างๆ จากการดูใบบัวไว้ว่า “ถ้าขอบใบเรียบกริบเหมือนตัดกระดาษ นั่นคือ บัวกลางวัน หรือ บัวฝรั่ง บัวเผื่อนและบัวผัน โดยจะบานราวๆ 11 โมงเช้า แล้วไปหุบราวๆ บ่าย 2 ส่วนบัวกลางคืน หรือ บัวสาย จะมีขอบใบจัก จะบานราวๆ 6 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม แล้วไปหุบตอนสายๆ ของอีกวันค่ะ” บัวแต่ละสายพันธุ์มีที่มาแห่งความงามต่างกัน
ดอกบัวฉลองขวัญ หรือ คิง ออฟสยาม เป็นบัวสกุลบัวผัน ที่เกิดความงามได้เพราะความสามารถของคุณชัยพล ธรรมสุวรรณ ที่นำเกสรของไดเรกเตอร์ จี.ที.มอร์ ( Director G.T.Moore) มาผสมกับทองสุก เมื่อปี 2542 แล้วนำไปปลูกยังดินแดนต่างประเทศจนได้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “ คิง ออฟ สยาม ” ฉลองขวัญ ความงามเด่นอยู่ด้วยที่สีสันม่วงน้ำเงิน ดอกมีกลีบซ้อนกันมากและไร้เกสรเพศผู้
บัวฝรั่ง เฮลโวล่า หรือ ปิ๊กมี่เยล โลว์ หรือเยล โลว์ปิ๊กมี่ คัดเลือกโดย Mr.Latour Marliac ชาวฝรั่งเศสและดร. เสริมลาภ วสุวัต นำมาปลูกที่ปางอุบลตั้งแต่ปี 2523 ความสวยงามชวนเตะตา คือดอกของบัวชนิดนี้มีขนาดเล็กประมาณ เหรียญ10 บาท โทนสีเหลือง ดอกค่อนข้างดก ดอกจะบานตอนสายๆ พอช่วงบ่ายๆ แก่จะหุบ
“ไมอามี่โรส” เป็นดอกบัวผันอีกพันธุ์หนึ่งที่ ดร.เสริมลาภ วสุวัต นำบัวสายพันธุ์นี้ที่ได้รับมาจากเพื่อนชาวอเมริกาชื่อ Mr.Garet Uemura เมื่อปี 2549 มาทดลองปลูกที่ปางอุบล ดอกบัวสายพันธุ์มีความงามต้องตาตรงที่ดอกเป็นสีชมพู แดงสด กลีบซ้อนฟู มีดอกตลอดปี
“มิส สยาม” เป็นบัวฝรั่งสัญชาติไทยแจ้งเกิดโดยฝีมือของคุณไพรัตน์ ทรงพานิช ที่ใช้ฝีมือผสมเกสรและคัดเลือกพันธุ์ ความโดดเด่นต้องยกให้สีสันของดอกที่มีสีชมพูสด คลอบคลุมถึงกลีบดอกที่ซ้อนกันจำนวนมาก เวลาบานรูปทรงจะสวยงาม
“มังคลอุบล” เป็นบัวฝรั่งสัญชาติไทย ดอกมีสีส้มแสด ดอกออกตลอดทั้งปี บัวชนะเลิศการประกวดบัวโลกเมื่อปี 2543 เป็นบัวฝรั่งสัญชาติไทย มีปรับตัวแล้วดอกจะออกตลอดทั้งปี มีดอกใหญ่ เติบโตง่าย ผลงานความงามของดอกบัวสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นได้เพราะการผสมเกสรและคัดเลือกของ ดร. ณ นพชัย ชาญศิลป์
“นางกวักสีโอลด์โรส” บัวสกุลบัวผันมีชนิดหนึ่งที่แปรพันธุ์จากบัวพันธุ์พื้นเมือง กับนางกวักของประเทศอินเดียที่ดร. เสริมลาภ วสุวัต คัดเลือกไว้ศึกษา เนื่องจากสีสันของบัวมีความสวยหวาน แต่ไม่ยอมแตกต้นอ่อน ปัจจุบันที่ปางอุบล มีเพียงแค่ต้นเดียว
“นภาเพ็ญ” เป็นลูกผสมปล่อยของบัวสายที่ คุณเฑียรชัย เฑียรเดชสกุล คัดเลือกและเผยแพร่เมื่อปี 2550 ความงามเฉพาะตัวของดอกบัวพันธุ์อยู่ที่ สีกลีบดกขาวอมชมพูอ่อน ทรงดอกรูปถ้วย ด้วยรัศมีแห่งความงามที่ยากหาบัวสายใดมาเทียม ส่งผลให้ได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานประเภทบัวสาย งานประชุมบัวนานาชาติเฉลิมพระเกียรติประจำปี 2550 ณ สวนหลวง ร.9 มาครอง
“พิงก์ ริบบอน” บัวฝรั่งสัญชาติไทย ที่คุณไพรัตน์ ทรงพานิช ผสมเกสรและคัดเลือกจากบัวฝรั่งพันธุ์ Mayla Perry fire opal ความงามที่มองเห็นชัดเจนของพิงก์ ริบบอนคือ กลีบดอกบัวสีชมพูสดซ้อนกันมาก ความงามของดอกบัวนี้เข้าตา สมาชิกสมาคม Water Gardener International (WGI) คัดเลือกให้เป็นบัวงามอย่างมีคุณค่า จำหน่ายเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่ง บริจาคเพื่อส่งเสริมกิจกรรมรณรงค์ต่อสู้มะเร็งทรวงอกมาแล้ว
“ปิยลาภ” บัวสาย พันธุ์ลูกผสมปล่อยของ บัวแม่พลอย ที่ปางอุบลคัดเลือกพันธุ์โดย ดร.เสริมลาภ วสุวัต เมื่อปี 2541 และนำความงามแสดงสู่สายตาสาธารณะชน เมื่อปี 2544 ความงามที่น่ามองของบัวปิยลาภอยู่ที่ สีกลีบดอกออกโทนหวานสะดุดด้วยสีชมพูสด และรูปทรงดอกเป็นรูปถ้วย
“โรจนอุบล” บัวสายพันธุ์ลูกผสมปล่อยที่ คุณไพรัตน์ ทรงพานิช คัดเลือกพันธุ์ มีเสน่ห์เย้ายวนตา สีกลีบดอกแดงสด สม่ำเสมอทั้งกลีบ ส่วนรูปทรงดอกสวยงามด้วยทรงรูปถ้วย
“แทนขวัญ” บัวฝรั่งสัญชาติไทย ฝีมือของคุณไพรัตน์ ทรงพานิช ที่ทำให้บัวสายพันธ์ชูช่อเด่นเหนือน้ำได้สำเร็จ เมื่อปี 2549 สีแดงสดใส และกลับดอกบัวที่เรียงซ้อนจำนวนมาก รวมถึงรูปทรงยามเป็นดอกบัวบานอวดความสวยงามเทียบรัศมีกับดอกบัวชนิดอื่นได้ไม่แพ้กัน
“แทนพงศ์” บัวฝรั่งอีกหนึ่งความงามที่คุณไพรัตน์ ทรงพานิช ได้มาจากการผสมเกสรและคัดเลือกพันธุ์เมื่อปี 2549 ประกายความงามของดอกบัวประเภทนี้ คือรูปทรงที่สวยงาม เมื่อบานครั้งใด ผู้คนต้องจิตกับความงามสีสันของกลีบดอกบัว ที่ไล่โทนสีจากกลีบดอกบัวชั้นในจากสีแดงสดใส เป็นสีชมพูอ่อนในส่วนของกลีบดอกบัวชั้นนอก
"รินลอุบล" เป็นบัวลูกผสมเปิดเกิดขึ้นภายในพิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ที่ ผศ.ภูรินทร์ อัครกุลธร คัดเลือกไว้ในปี 2550 และเผยแพร่ความงามของ รินลอุบล ในปี 2551 รินลอุบล มีใบอ่อนเป็นรูปไข่ หน้าใบสีเขียว มีแถบสีน้ำตาล หลังใบสีเขียว มีกระสีน้ำตาลแดงเข้มทั่วไป ใบแก่มีสีเช่นเดียวกับใบอ่อน ดอกตูมโคนดอกโคนกว้างปลายเรียว มีจุดกระปลายเข็มสีน้ำตาล ดอกบานสีกลีบดอกปลายกลีบมีสีชมพู เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 12-18 ซ.ม. กลิ่นหอมเล็กน้อย
"ธัญกาฬ" เป็นบัวกลุ่มสายเขตร้อน เป็นลูกผสมปล่อยของบัวสายในพิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโยลีราชมงคลธัญญบุรี ที่ ผศ. ภูรินทร์ อัครกุลธร ได้คัดเลือกในปี 2549 เผยโฉมความของดอกบัวเมื่อปี 2550 หลังคว้ารางวัลรองชนะเลิศถ้วยพระราชทานประเภทบัวสาย งานประชุมบัวนานาชาติเฉลิมพระเกียรติประจำปี 2550 ณ สวนหลวง ร. 9
ธัญกาฬ ยามเป็นดอกบัวตูมทรงดอกค่อนข้างเรียวยาว สีแดงเหลือบเขียวที่โคนดอก ส่วนช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอกบาน ช่วงนั้นหากได้ชมจะเห็นประกายความงามของดอกบัวชนิดนี้ โดยเฉพาะสีกลีบดอก ออกสีแดงเหลือบม่วง บริเวณขอบกลีบทั้ง 2 ข้าง กลีบเลี้ยงด้านในมีสีแดงชมพู ด้านนอกมีสีน้ำตาลมีขีดเส้น 5 ทรงดอกบานแผ่ครึ่งวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางดอก 12-15 ซ.ม. การให้ดอกจะทยอยออกดอกตามกันบานอยู่ 3 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น