วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

นานาประโยชน์จากบัวpic_no_1144__bua-1-.jpg

ส่วนต่าง ๆ ของบัวนั้น สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เป็นทั้งยาและอาหารได้อย่างดี โดยจำแนกได้ดังนี้

ดอกบัว
ถือเป็นดอกไม้ที่สวยงาม ประชาชนหาซื้อไปบูชาพระมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น เพราะสามารถคงความงามไว้ได้นานกว่าดอกไม้หลายชนิด

เม็ดบัว
สามารถนำมากินได้ทั้งสดและแห้ง เม็ดบัวมีปริมาณสารอาหารที่สำคัญ คือ โปรตีน ประมาณ 23 % ซึ่งสูงกว่าข้าวถึง 3 เท่า และเป็นแหล่งรวมธาตุ อาหารหลายชนิดด้วยกัน เม็ดบัวนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวาน เช่น สังขยา เม็ดบัว ขนมหม้อแกงเม็ดบัว เม็ดบัวเชื่อม สาคูเม็ดบัว เป็นต้น
รากบัว นิยมนำมาเชื่อมแห้งกินเป็นของหวาน หรือนำไปต้มกับน้ำตาลกรวด แก้ร้อนใน ชาวอินเดีย จะให้เด็กดื่มน้ำรากบัว เพื่อระงับอาการท้องร่วงไหลบัว หรือต้นกล้าบัว สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งสด ทั้งแห้ง โดยมากจะนำมาแกงส้ม แกงเลียง ผัดเผ็ดต่าง ๆ

สายบัว
สามารถปรุงอาหารแทนผักได้หลายชนิด ทั้งแกงส้มสายบัว แกงสายบัวกับปลาทู ฯลฯ ชาวอินเดีย กินเพื่อแก้อาการท้องร่วง

ใบบัว
นิยมนำมาห่อข้าว ห่อของ เช่น ข้าวห่อใบบัว ส่วนใบอ่อนสามารถนำมากินเป็นผักสดแกล้มน้ำพริก หรือนำมาหั่นฝอย ๆ ชงดื่มแทนน้ำชา ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี

เกสรบัว
ส่วนของเกสรสีเหลือง สามารถใช้เข้าเครื่องยาทั้งไทยและจีน โดยเฉพาะยาลม ยาหอม ยาบำรุงหัวใจ และยาขับปัสสาวะ
ดีบัว เป็นส่วนของต้นอ่อนที่อยู่ภายในเม็ดบัว มีรสขมจัด สามารถนำมาเป็นส่วนผสมของยาโบราณ มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้

........................................................................................................................................

ขอขอบคุณบทความจาก : นิตยสาร Gourmet & Cuisine


บัวสาย มีชื่อภาษาท้องถิ่นว่า บัวกินสาย บัวแดง บัวขม บัวจงกลนี และบัวสายค่ะ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า โลตัสสเต็ม (Lotus stem) และวอเตอร์ลิลลี่ (Water – lilly) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่านิมฟาเอส ไวด์ (Nymphaes Willd.) จัดอยู่ในวงศ์ นิมฟาซี้อี้ค่ะ (Nymphaeaceae)

บัวสาย มีคุณค่าทางโภชนาการคือ จะประกอบด้วย ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ไนอาซีน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และมีน้ำอยู่ถึง 97.6%

สรรพคุณของบัวสายและวิธีใช้ ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของบัวสาย คือ ก้านใบ ดอกและหัว ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกันดังต่อไปนี้
ก้านใบ หรือสายบัวของบัวสาย มีรสจืด ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกายได้ดี
ดอกของบัวสาย มีฤทธิ์บำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง แก้ไข้ตัวร้อน และบำรุงครรภ์
หัวของบัวสาย ใช้บำรุงร่างกาย บำรุงครรภ์ บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ ใช้หัวของบัวสายประมาณ 30 กรัม ใส่น้ำ 1 ลิตร ต้มนาน 15 นาที จากนั้นนำน้ำที่ได้มาดื่มครั้งละครึ่งถ้วยกาแฟ วันละสองครั้ง ก่อนอาหาร เช้าและเย็นค่ะ

บัวหลวง มีชื่อภาษาท้องถิ่นว่า บัวตูม บัวหลวง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า โลตัส (Lotus) แซคเร็ด โลตัส (Sacred Lotus) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า นีลัมโบ นูซิฟีร่า (Nelumbo nucifera Gaertn.) จัดอยู่ในวงศ์ นีลัมโบนาซี้อี้ (Nelumbonaceae) บัวหลวงจัดเป็นไม้น้ำ เจริญไดดีในบริเวณที่มีน้ำใสสะอาด เช่นในหนองน้ำ สระน้ำ ที่มีน้ำใสสะอาด ลำต้นบัวจะอยู่ใต้ดิน ก้านบัวจะยาว ใบบัวและฝักบัวจะลอยหรือชูอยู่เหนือผิวน้ำ

บัวหลวง มีคุณค่าทางโภชนาการคือ เริ่มจากเมล็ดบัวจะประกอบด้วย โปรตีน (14.2%) แป้ง (65.3%) ฟอสฟอรัส และแคลเซียม ส่วนใน เกสรบัว มีน้ำมันหอมระเหย ใน ดีบัว จะมีสารพวกแอลคาลอยด์ชื่อ เมททิล-คอริพัลลีน (methyl-corypalline) และอื่นๆ อีกรวม 6 ชนิด ค่ะ

สรรพคุณของบัวหลวงและวิธีใช้ ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของบัวหลวง คือ เกสร เมล็ด ดีบัว ใบ และราก(เหง้า) ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกันดังต่อไปนี้ ค่ะ
รากบัว (เหง้าบัว) มีสรรพคุณคือ ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ร้อนใน ลดไข้ แก้ไอ แก้กระหายน้ำ มีคำแนะนำให้ใช้รากบัวหลวง 30 กรัม น้ำ 1 ลิตร ต้มนาน 15 นาที นำน้ำที่ได้มาดื่ม โดยดื่มครั้งละครึ่งถ้วยกาแฟ ก่อนอาหารเช้า-เย็น
ใบบัว มีสรรพคุณ ในการลดความดันโลหิต ในบางตำราระบุว่าใบบัวสามารถรักษาอาการอักเสบและปวดบวมได้ โดยให้นำใบบัวหลวงมาล้างให้สะอาดแล้วโขลกให้ละเอียด จากนั้นสกัดด้วยแอลกอฮอล์ นำสารที่สกัดได้มาทาบริเวณที่อักเสบและปวดบวมได้ผลดี ค่ะ
เกสรบัว มีสรรพคุณคือ ใช้เป็นยาหอมบำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ชูกำลัง แก้ลม ทำให้จิตใจชุ่มชื่น
เมล็ดบัว มีสรรพคุณคือ ใช้บำรุงกำลัง และบำรุงครรภ์
ดีบัว หรือไส้ในของลูกบัว คือส่วนที่มีสีเขียว ลักษณะเรียวยาวอยู่ในใจกลางเมล็ดบัว มีสรรพคุณคือ ใช้เป็นยาขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ในตำรายาไทยระบุไว้ว่า ให้ใช้ดีบัวแห้ง 1 หยิบมือ ชงน้ำร้อน 1 แก้ว แล้วดื่มขณะกำลังอุ่นๆ วันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร จะมีสรรพคุณคือ ใช้แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ไข้และบำรุงร่างกาย หรือปั้นเป็นเม็ดขนาด 0.5 กรัม กินครั้งละ 3-5 เม็ด ก่อนอาหารเช้า และเย็น ค่ะ
เมื่อทราบสรรพคุณของดีบัวกันแล้ว หวังว่าต่อไปในการนำเมล็ดบัวมาปรุงอาหารรับประทานกันคงจะเก็บดีบัวไปตากแห้งแล้วใช้ชงเป็นชาดื่มนะคะ ผู้เขียนเองได้ทดลองใช้ชงเป็นชาดื่มแล้วละค่ะ ไม่ขมอย่างที่คิดหรอกนะคะ เพียงมีรสเฝื่อนๆ นิดหน่อย แต่ให้สรรพคุณดีมากค่ะ

เอาละค่ะ ก็มาถึงช่วงท้ายของรายการ ดิฉันขอฝากข่าวประชาสัมพันธ์ "งานมอ.วิชาการ" และ "งานเกษตรภาคใต้ ครั้งที่ 11" นะคะ "งานมอ.วิชาการ" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 22 สิงหาคม 2546 และ "งานเกษตรภาคใต้ ครั้งที่ 11" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 23 สิงหาคม 2546 ภายในงานจะประกอบด้วยกิจกรรมการนำเสนอผลงานและวิทยาการของคณะต่างๆ มากมายให้เลือกเที่ยวชมงานตามอัธยาศัยนะคะ ในส่วนของคณะทรัพยากรธรรมชาติ จะมีกิจกรรมการนำเสนอผลงานและวิทยาการทางด้านการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การพัฒนาชนบท การประกวดพืชและสัตว์ ตลอดจนสิ่งประดิษฐ์จากภูมิปัญญาเกษตรกรไทยและนักศึกษาระดับอาชีวะศึกษา การแข่งขันทักษะทางการเกษตร รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูป ไม้ดอกไม้ประดับ สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร และอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น